รักษาหูดด้วย Cryotherapy หรือ การจี้เย็น





Cryotherapy หรือ การจี้เย็น เป็นการรักษาโดยการใช้ความเย็นจากสาร cryogen ที่นิยมใช้ คือ ไนโตรเจนเหลว(Liquid nitrogen) เพื่อมาทำลายเนื้อเยื่อ เช่น หูด เนื้องอก หรือแม้แต่เนื้อมะเร็งบางชนิด การจี้เย็นสามารถนำมารักษาโรคหรือเนื้องอกผิวหนังได้ดีเนื่องจากเข้าถึงได้ง่ายและตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
ไนโตรเจนเหลว คือ อะไร
ไนโตรเจนเหลว คือ ก๊าซไนโตรเจนในสถานะของเหลวที่มีจุดเดือดอยู่ที่ -196 องศาเซลเซียส และมีจุดหลอมเหลวอยู่ที่ -210 องศาเซลเซียส เป็นสารนิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากปลอดภัย ไม่เป็นพิษ ไม่ติดไฟ ไม่มีกลิ่น และไม่มีสี
#ข้อดีของCryotherapy คือ อะไร
- ทำง่าย สะดวก สามารถทำได้ในห้องตรวจเลย ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องผ่าตัด
- ราคาถูก
- ประหยัดเวลา
- ไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ
- สามารถใช้ในหญิงตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย
- มักไม่เกิดรอยแผลเป็นแบบการผ่าตัด
#ข้อเสียของCryotherapy คือ อะไร
- ห้ามทำในผู้ที่มีความไวต่อความเย็น เช่น ผู้ป่วยลมพิษที่เกิดจากความเย็น (Cold urticaria), ผู้ที่ทนต่อความเย็นไม่ได้ (Cold intolerance), ผู้ป่วยภาวะCryoglobulinemia เป็นต้น
- อาจเกิดรอยขาวหรือรอยดำบริเวณที่ทำการรักษาด้วย Cryotherapy โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวคล้ำ
- อาจทำให้ผมร่วงในบริเวณที่ทำการรักษาหากทำมากเกินไป
#Cryotherapy ใช้รักษาอะไรได้บ้าง
- หูดที่เหมาะกับการรักษาด้วย Cryotherapy คือ หูดที่มีลักษณะราบ หูดที่อวัยวะเพศ(Genital wart) หูดที่รักษาด้วยการทายาแล้วไม่หายหรือกลับเป็นซ้ำ เช่น หูดที่เล็บ(Periungual lesion) หูดที่ฝ่าเท้า(Plantar wart)
- หูดข้าวสุก
- เนื้องอกผิวหนัง เช่น Actinic keratosis เป็นต้น
- กระเนื้อ
#วิธีการรักษาหูดด้วยCryotherapy
- ในรอยโรคที่หนามาก อาจจะฝานผิวหนังส่วนบนออกก่อน แล้วจึงทำการรักษาด้วย Cryotherapy
- อุปกรณ์ในการรักษาด้วย Cryotherapy ประกอบด้วย ขวดบรรจุสารCryogenที่มีชุดควบคุมความดันและมีหัวสเปรย์สำหรับพ่นสารCryogenออกมา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะเป็นผู้ทำ Cryotherapy ให้แก่ผู้ป่วย โดยจะนำหัวสเปรย์วางห่างจากตำแหน่งที่จะทำการรักษาตามความเหมาะสมแล้วพ่นสารCryogenออกมาที่รอยโรคนาน 5-60 วินาที ขึ้นกับความลึกของรอยโรค จะเห็นรอยโรคเปลี่ยนเป็นสีขาวและมีการปวดและชาได้
- แพทย์อาจจะรักษาซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้สามารถทำลายรอยโรคได้ลึกถึงระดับที่ต้องการ
- ขณะทำการรักษา จะอาการปวดและแสบเล็กน้อย ได้นานประมาณ 15 นาที - 3 ชั่วโมงหลังการรักษา
- หลังการรักษา 2-3 ชั่วโมง รอยโรคที่รักษาจะมีอาการบวมแดง ในบางครั้งอาจกลายเป็นตุ่มน้ำใสพองได้ใน 24 ชั่วโมงหลังการรักษา บางรายอาจมีตุ่มน้ำอาจมีเลือดปนได้ หลังจากนั้นตุ่มน้ำจะค่อยๆฝ่อและแห้งจนตกสะเก็ดและลอกออกภายใน 1-3 สัปดาห์
- รอยโรคจะหลุดไปพร้อมสะเก็ด และเหลือผิวสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งจะค่อยๆหายกลับมาเป็นปกติได้
- ควรกลับมาพบแพทย์ตามนัด เนื่องจากการรักษาด้วยวิธีนี้อาจต้องรักษาหลายครั้ง โดยระยะห่างทุก 4 สัปดาห์
#การดูแลแผลหลังการทำ Cryotherapy
- รักษาความสะอาดของแผลด้วยน้ำและสบู่ได้ตามปกติ แต่ควรงดเว้นการขัดถูหรือแกะเกาแผล
- หากมีอาการบวมแดงหรือตุ่มน้ำพอง ห้ามแกะแผลหรือเจาะตุ่มน้ำเอง ถ้าตุ่มน้ำพองไม่แตกออกเป็นแผลให้รักษาความสะอาดได้ตามปกติ แต่หากตุ่มน้ำแตกออกเป็นแผลเปิดให้ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือทำแผลและใช้ผ้าก๊อชปิดแผลเพื่อป้องกันการระคายเคือง ผิวหนังและตุ่มพองจะค่อยๆฝ่อลงและหลุดไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Androgenetic Alopecia (AGA) - ภาวะผมบางจากพันธุกรรม

เราควรเลือกเจลแอลกอฮอล์ล้างมืออย่างไรดี

สาระน่ารู้ : เล็บของคุณเป็นอย่างไร